วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เต๊ะจุ๊ยลุยบางกอก ตอน 2 : เยาวราช...น่าไป แต่ไม่น่าอยู่

          อิ่มเต็มท้องมาจากบะหมี่จับกัง เราข้ามถนน เดินทะลุตรอกเหล่งบ๋วยเอี๊ย ซึ่งเชื่อมระหว่างถนนเจริญกรุงกับถนนเยาวราช มาโผล่เอาตลาดเก่า ย่านขายของไฮไลท์ของเยาวราชแห่งนี้

          เดินกันเพลินๆดูของขาย ที่ปนเปลานตาไปหมด ขายเหมือนๆกันซ้ำๆกัน จนผมอดคิดไม่ได้ว่า จะขายแข่งกันขนาดไหน และจะมีคนที่อยากได้ของพวกนี้มากมายไปทำไม แต่ก็นะ อุปสงค์ก็ต้องคู่กับอุปทานเสมอ ถ้าไม่มีคนซื้อ จะมีของมารอขายมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

          ของสด ของแห้ง ของเปียก อาหาร ผลไม้ น่าหยิบจับแต่ราคาคงไม่น่าคบสักเท่าไหร่ เดินผ่านรถขายเชอรี่สดที่เค้าบอกว่ามาจากนิวซีแลนด์ บางร้านติดราคาไว้ กิโลกรัมละ 550 บาท เดินมาอีกหน่อย 450 บาท พอมาดูร้านปากซอยขาย 750 บาท เอ๊ะ นี่เค้าเอามาตรฐานอะไรมากำหนดราคานะเนี่ย

 

          ที่เห็นมากที่สุดคือ รถเข็นขายน้ำทับทิมคั้น ผมประหลาดใจมากเพราะเชียงใหม่บ้านผมไม่มี ลำพังจะแทะเม็ดกินสดๆยังลำบาก นี่คั้นเป็นน้ำใส่ขวดขาย น้ำก็สีม่วงๆอย่างกับไวน์ แปลกแท้!?!
          
          ไม่ได้ถ่ายรูปทั้งเชอรี่นิวซีแลนด์ และน้ำทับทิมคั้น เพราะไม่ได้อุดหนุนเค้า กลัวแม่ค้าด่าเอา กลัวถูกคนกรุงเทพฯดุ

          ตกค่ำ คุณภรรยานำทางผม ออกตามหาเพื่อนเก่าของเธอบ้าง เป็นร้านขนมปังปิ้งสุดแสนจะธรรมดา ที่ไหนก็มี แต่ร้านนี้ดังขนาดเคยออกโทรทัศน์มาแล้ว และถ้าใครจะมาซื้อต้องหยิบบัตรคิว


          ฉายาของร้านนี้คือ "ขนมปังบัตรคิว" มี 3 สูตรคือ สูตรกรอบ(ขนมปังแบบแผ่นปิ้งจนกรอบ) สูตรนิ่ม(ขนมปังแผ่นแบบไม่กรอบ) และสูตรกรอบนอกนุ่มใน(ขนมปังแบบก้อนปิ้งให้ข้างในยังนิ่มอยู่) เวลาจะสั่งต้องหยิบบัตรคิวก่อน แล้วไปเขียนว่า เอาสูตรไหน ราดหน้าอะไร เสร็จแล้วก็เอาบัตรคิวไปหย่อนลงกล่อง คนขายก็จะเรียก"เบอร์...ครับ" เราก็ไปจ่ายเงินและรับของ
   
          คุณภรรยาสั่งมา 3 อย่าง คือ กรอบนอกนุ่มในราดช็อกโกแล็ต กรอบราดนม และกรอบราดเนยถั่วผมชิมแล้ว สูตรกรอบทั้ง 2 หน้า ไม่มีอะไรเด่น ทำกินเองก็ได้ แต่กรอบนอกนุ่มในราดช็อกโกแล็ตนี่เด็ดมาก ตรงที่เค้าราดช็อกโกแล็ตเหลวลงไปในรูตรงกลางขนมปังก้อนเยอะมาก กัดแล้วไหลเยิ้มออกข้างแก้มเลยทีเดียว กินไปต้องดูดนิ้วไป ช็อกโกแล็ตหยดเปื้อนไปหมด เสียทิชชู่กับน้ำล้างมือไปเยอะ

          ราคาแผ่นละ 15 บาท ถือว่าโอเคครับ รับได้ ร้านนี้เป็นรถเข็นตั้งอยู่บนถนนเยาวราชฝั่งตลาดเก่า ขายเฉพาะกลางคืน ติดๆกันเป็นร้านขายชา-กาแฟ และร้านไอศครีมที่เปิดเสียงโฆษณาร้านดังๆ จำตำแหน่งได้ไม่แม่นแล้วล่ะ


          เดินเที่ยวต่อบนถนนเยาวราช ดูคน ดูรถ ดูร้านทองที่ปิดกันไปหมดแล้ว ผ่านร้านก๋วยจั๊บต่างๆ(ก๋วยจั๊บเยอะจริงๆ) ลงมาทางวงเวียน 22 กรกฎาคม ข้ามถนนเดินย้อนกลับขึ้นไปทางเดิม ผ่านร้านซีฟู๊ด ร้านข้าวราดแกงกะหรี่ เดินดูจนอิ่มไปเอง


          เช้าวันที่ 2 วันนี้ตั้งใจจะกินก๋วยจั๊บให้ได้ เพราะเยอะเหลือเกินเยาวราช แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลองก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เดินไปก็คิดไป เอ เอาไงดี เดินวนบนถนนเยาวราชจนครบอีก 1 รอบ เหงื่อแตกจนเสื้อยืดเปียกไปทั้งตัว มาปลงใจเอาที่ร้าน "ก๋วยจั๊บนายเอ็ก"

          และเพื่อไม่ให้ทั้งก๋วยเตี๋ยวปลา และก๋วยจั๋บต้องน้อยใจ ผมเลยเลือกสั่งข้าวหมูกรอบ กับโค้ก 1 ขวด รสชาติดีครับ ไม่ต้องเติมซอสเติมพริกก็กินได้ หมูกรอบดี มีผักคะน้าลวกมาเป็นเครื่องเคียง ปริมาณก็มาตรฐานคือกินยังไม่ทันอิ่มก็หมดจานแล้ว จานละ 40 บาท โค้กขวดเล็ก 12 บาท ราคาเยาวราช

          ร้านนี้ยังมีอาหารที่ทำสำเร็จไว้ขายด้วย แหม อย่างกับข้าวแกง เห็นคุณป้าที่นั่งข้างๆผม สั่งปลาผัดคื่นช่ายมาพุ้ยกินกับข้าวสวย ท่าทางน่าอร่อย แต่จานเด็ดของเค้าคือก๋วยจั๊บน้ำใสนะครับ


          ผมเดินเที่ยวต่อไปจนถึงถนนทรงวาด ท่าน้ำ ผ่านโรงเรียนเผยอิง(เคยรู้มาว่าอาม่าของผมจบโรงเรียนนี้) เดินกลับมาดูร้านขายของที่สำเพ็ง ซึ่งขายทุกอย่างตั้งแต่ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องเขียน เครื่องประดับ ของเด็กเล่น ของกิน ฯลฯ คือนึกอะไรได้ที่นี่ต้องมีขายแน่ๆ แต่จะหาเจอหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง

          สับสนไปหมดครับเยาวราช เดี๋ยวเวสป้าก็ขี่สวนมา เดี๋ยวรถเข็นสินค้าก็เข็นเฉี่ยวหลังเราไป ต้องใช้สติในการเดินสูงมาก มัวแต่ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปอาจเจ็บตัวได้

          อีกอย่างหนึ่งที่เยอะมากคือ ขอทาน ไปไหนก็เจอ โดยเฉพาะซอยข้างวัดเล่งเน่ยยี่ ปักหลักขอกันทั้งซอยเลย มีตั้งแต่ ชาย หญิง แม่ชีเรี่ยไร นั่งขอติดๆกันอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน ผมกลับมาบ้านตั้งใจว่าจะไม่ให้เงินขอทานอีกต่อไป

          ดีครับเยาวราช ถ้าอยากได้อะไร ต้องไปเยาวราช ซึ่งมีครบทุกอย่าง ยกเว้นความสุข

          แถมอีก 1 ร้าน ก่อนกลับบ้าน ร้านนี้คุณภรรยาเป็นคนแนะนำครับ ถ้าออกจากกรุงเทพ จะไปนครสวรรค์ ตามเส้นทางสายเอเชียหมายเลข 32 เลยอยุธยามาก่อนเข้าเขตจังหวัดสิงห์บุรี เลยร้านต้มเลือดหมูนายเล็กทั้ง 2 ร้าน แต่ยังไม่ถึงร้านแม่ลาปลาเผานะครับ ทางซ้ายมือมองป้ายบอกทางเข้าอำเภอปากบางไว้ หน้าทางเข้าจะมีป้ายธนาคารไทยพาณิชย์สีม่วงชัดเจน

          ร้าน "ผัดไทยปากบาง" ร้านนี้ผมถ่ายรูปมาให้พ่อผมดู พ่อร้อง"เฮ้ย มันยังอยู่อีกหรือ!?!" ยังอยู่ครับ เลี้ยวซ้ายเข้าปากบาง ขับตรงมาจะเจอทางแยกก็เลี้ยวซ้ายอีกที ขับมาไม่กี่เมตรหรอก ร้านจะอยู่ติดกับธนาคารไทยพาณิชย์นั่นแหละ เป็นร้านอาหารตามสั่งทั่วไป โต๊ะไม้ เก้าอี้พลาสติก หลังคากระเบื้องลอน แต่มีเมนูลายเซ็นต์คือผัดไทยโบราณใส่หมูแดง ผมกินไป 1 จาน ยังต่อด้วยข้าวกะเพราหมูไข่เจียวอีก 1 จาน

          ผัดไทยรสดี เส้นเหนียว ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เปรี้ยว หวาน เค็ม กลมกล่อม ส่วนข้าวกะเพรานี่ธรรมดา แต่ไข่เจียวเค้าคงจะใช้ไข่เป็ดทำ จึงรู้สึกได้ถึงความมัน ฟู และหนาแน่น ทุกอย่างจานละ 30 บาทครับ ถือว่าไม่แพงเลย แนะนำให้คนเดินทางสายเหนือเอาไว้แวะเป็นมื้อกลางวัน เพราะอยู่บนทางหลัก แวะง่าย ห่างจากสาย 32 ไม่กี่ร้อยเมตร

          นอกจากนี้ชุมชนปากบาง ยังมี ขนมเปี๊ยะแป้งบางๆ และหมูแผ่น หมูทุบ ไว้เป็นของฝากอีกด้วย


          ขอบคุณที่อ่านครับ

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เต๊ะจุ๊ยลุยบางกอก ตอน 1 : หาเพื่อนเก่า...ที่เยาวราช

          ผมเองเคยต้องไปเรียนในกรุงเทพฯก็หลายปี แต่ยังไม่เคยเดินเยาวราชจริงๆจังๆสักครั้งเลย มีก็แต่เฉี่ยวๆ แบบตามผู้ใหญ่เค้าไป เค้าแวะไหนก็แวะกับเค้า จะมีก็ครั้งนี้แหละครับที่มีโอกาสใช้เวลาแบบตามใจตัวเองในเยาวราช เดินแบบเรื่อยเปื่อย เดินจนสุดถนนแล้วก็ข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเดินวกกลับ


          ภรรยาผมมีธุระแถวนั้นในวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ เราเลยไปถึงเยาวราชตั้งแต่บ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์ ขึ้นรถเมล์สาย 204 จากหน้าสนามกีฬาแห่งชาติ กะมาลงที่หน้าโรงแรมแกรนด์ไชน่า สี่แยกราชวงศ์
          
          รถติดตั้งแต่ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านหน้าโรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ เลี้ยวขวามาตามถนนหลวงรถติดหนักขึ้น จนต้องลงเดินก่อนถึงแยกเสือป่า โดยคำแนะนำพี่คนขับรถเมล์ซึ่งเห็นหน้าเราลนๆ ก็คงจะรู้ได้ว่าเรานี่มันเซาะกราวแน่ๆ บอก"น้อง น้องเดินไปเหอะ เร็วกว่า เชื่อพี่" ไอ้เราก็มัวแต่ดีใจ นานๆจะมีคนเรียกเรา"น้อง"

          ผมเข้าพักที่โรงแรมเช็คอินน์ เยาวราช (Check Inn China Town) จองไปกับเวบอะโกด้า ตอนที่จองราคารวมค่าธรรมเนียมราวๆ 950 บาท แอบถามตอนเช็คอินว่าถ้าวอร์กอินคิดเท่าไหร่ พนักงานบอก 1,100 บาท เออ ก็โอเคล่ะวะ ถูกกว่าหน่อย

          โรงแรมนี้อยู่ในซอยเจริญกรุง 14 บนถนนเจริญกรุง ถนนเดียวกับวัดเล่งเน่ยยี่ เดินเข้าซอยไปนิดหน่อย ไม่มีที่จอดรถ ซอยแคบๆไม่เจริญตาเท่าไหร่ ปากซอยมีร้านติ่มซำใหญ่ ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้เพราะไม่ได้อุดหนุนเค้า ซอยนี้ถ้าเดินไปท้ายซอย ก็จะไปทะลุออกถนนเยาวราชได้ ถนนที่มีร้านทองเยอะๆน่ะครับ และกลางซอยก็ยังมีร้านสุกี้โบราณ กับข้าวมันไก่ไหหลำไทเฮง อีกด้วย (ไม่ได้กินเหมือนกัน เพราะก่อนมาก็กินข้าวมันไก่ประตูน้ำไปแล้ว จะไก่อะไรกันบ่อยๆ แต่ก็เสียได้โอกาสอยู่)


          โรงแรมเล็กๆ มี 5 ชั้น ดาดฟ้ามีร้านเครื่องดื่มให้นั่งตากลมเยาวราชด้วย แต่ละชั้นมีห้องพักราว 5-6 ห้องเอง แต่ขนาดห้องไม่เล็กนะครับ พอใช้ได้เลย และที่ประทับใจผมมากที่สุดคือ โรงแรมนี้มีครัวให้ด้วย เครื่องครัวก็ครบ อ้างล้างจาน เตาไฟฟ้า กระทะ จาน ช้อน มีกระทั่งไมโครเวฟ ทำกับข้าวกินเองได้เลย ชอบอ่ะ แต่มานอนเยาวราชแหล่งของอร่อยทั้งที ผมไม่ทำกินเองแน่ๆ


          พื้นที่ในห้องน้ำอาจจะแคบไปสักนิด และแม้ว่าตอนเช็คเอ๊าท์จะมีปัญหากับพนักงานโรงแรมเล็กน้อย แต่ก็ให้คะแนนโรงแรมนี้ 7/10 ละครับ

          ผมและคุณภรรยา ออกตามหาเพื่อนเก่าของผมมาทางปากซอยเจริญกรุง 14 ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินมาทางขวา เดินตามทางรถ (ข้ามถนนดูตำรวจจราจรด้วยนะครับ จราจรดูเครียดๆ) เดินดูรถติดนรกมาหน่อยเดียวก็เจอวัดเล่งเน่ยยี่(วัดมังกรกมลาวาส) ยืนดูคนติดกันต่อ(คนเข้าไปอัดกันเต็มวัด)

          สิ่งที่ทำให้ผมมากรุงเทพฯทีไร แล้วอยากกลับบ้านนอกของผมทุกที ก็เรื่องคนเรื่องรถนี่แหละ

 

          เดินกันต่อสั้นๆ นับซอยไปอีก 2 ซอยครับ เพื่อตามหาเพื่อนเก่า ก็มาเจอกันจนได้! ร้าน"บะหมี่จับกัง" ที่บอกว่าเป็นเพื่อนเก่าเพราะผมเคยกินเมื่อครั้งยังเรียนประถมอยู่ในกรุงเทพฯ คงสัก 25 ปีได้แล้วหละ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดขายชามละ 20-25 บาท และผมก็กินไม่เคยหมดชามเสียด้วย ชามหนึ่งแบ่งกันกินได้ 2 คน


          แต่วันนี้ดั้นด้นพาภรรยามาเจอเพื่อนเก่าทั้งที สั่งฉลองเลยคนละชาม แต่เป็นชามธรรมดานะ พิเศษถ้าจะไม่ไหว คุณภรรยาแอบบ่น"ร้านนี้ใครสั่งชามพิเศษถ้าจะไม่ปกติ"

          หมดเกลี้ยงชามเลยครับ แถมผมยังช่วยคุณภรรยากินอีกนิดหน่อย ภูมิใจมากเลยที่ผมกลับมาล้างตาร้านนี้ได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าเค้าให้น้อยลง เราโตขึ้น หรือเราหิว หรือเพราะตะกละกันแน่ (ฮ่า)

          บะหมี่จับกัง ถือเป็นร้านระดับตำนานของกรุงเทพฯ แต่คงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศแล้วหละ ผมไม่ขอให้คะแนนดีกว่า แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยชิม คงต้องหาโอกาสมาลอง แต่ก็ต้องเตรียมใจมาล่วงหน้านะครับ ร้านนี้จุดขายเค้าคือปริมาณ ฉะนั้น รสชาติ บริการ บรรยากาศ และความสะอาด อย่าไปคิดถึงมันมากนัก

          อ้อ ร้านนี้มีเมนูบะหมี่น้ำหรือแห้งเท่านั้นนะครับ ราคาชามธรรมดา 30 บาท พิเศษ 40 บาท มีร้านขายกาแฟ-ชาดำเย็น แก้คอแห้งใกล้ๆกัน แก้วละ 10 บาท


          ต่อตอนหน้าครับ...

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เจ๊ณี ข้าวคลุกกะปิ : ผม "รัก" ร้านนี้

          ทุกครั้งที่ผมต้องขับรถผ่านจังหวัดลำปาง ถ้าไม่เช้าหรือค่ำจนเกินไป ผมมักจะแวะที่ร้านนี้เสมอ จะว่าแวะก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะร้านนี้ไม่ได้อยู่บนทางหลัก ต้องเข้าชุมชนอำเภอเกาะคา เขตจังหวัดลำปางไปพอสมควร ซึ่งจะว่าไปแล้วก็หายากอยู่เหมือนกันถ้าไม่เคยไปมาก่อน ฉะนั้นผมขอใช้คำว่า ผมตั้งใจไปร้านนี้เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องหาข้าวกินหรือไม่ก็ตามนะ

          "เจ๊ณี ข้าวคลุกกะปิ" ขายอาหารจานเดียวประเภทข้าวผัด แต่ไม่ใช่ข้าวผัดหมู ผัดแหนม ธรรมดา แต่เป็น ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ข้าวผัดไข่เค็ม ข้าวผัดน้ำมันกุ้ง ฯลฯ ซึ่งผมไม่นึกว่าจะมาเปิดร้านหลบอยู่ริมแม่น้ำวังแบบนี้ และขายจานละแค่ 30 บาท

          จานโปรดของผมคือนางเอกของร้านนี้ ข้าวคลุกกะปิ ที่โดยปกติแล้ว ข้าวคลุกกะปิร้านไหนๆ เค้าก็จะแกล้มด้วยไข่เจียวซอยเป็นเส้น วางไว้ข้างจาน แต่ของเจ๊ณีนี่เค้าเป็น ไข่เจียวห่อข้าวครับ เก๋ไหมล่ะ

      
          เคยคุยกับคุณป้าเจ้าของร้าน (คาดว่าคงจะชื่อเจ๊ณีนี่แหละ) แกเล่าว่าเดิมที แกค้าขายอยู่ที่คลองตัน กรุงเทพฯ แล้วย้ายมาทำมาหากินที่เกาะคาแห่งนี้ ทำก็ทำคนเดียวเพราะไม่อยากจ้างลูกจ้าง วันละตั้ง 300 บาท
          ผมไปทีไรก็เห็นแกนั่งเหงาๆดูทีวีอยู่คนเดียว ไม่เคยเห็นลูกค้าโต๊ะอื่นๆเลย กลัวเหลือเกินว่า แกจะปิดปรับปรุงร้านตลอดกาลไปเสีย ผมก็จะอดกินข้าวคลุกกะปิอร่อยๆไป เอ๊ะ! หรือว่าผมไม่เคยไปตอนเที่ยงตรง ซึ่งลูกค้าจะเยอะกว่าที่เห็นนะ

          
          ร้านนี้ทำเลไม่ธรรมดานะครับ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำวังเชียวนะ มีมุมที่มองเห็นวิวริมแม่น้ำด้วย แต่น่าเสียดายที่ป้าแกติดลูกกรงไปแล้ว ก็เพื่อความปลอดภัยละนะ เข้าใจ เข้าใจ


          ร้านนี้ผมให้ 10 คะแนนเต็มครับ ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดา โต๊ะ-เก้าอี้ ไม่มีอะไรสวยงามชวนมอง แต่ทุกอย่างโดยรวมสำหรับผม มันต้อง 10 น่ะ ผมบอกแล้วไงว่าผมรักร้านนี้ และอยากให้ทุกคนได้ไปชิมกันด้วย

          ร้านนี้ผมพาเพื่อน พาญาติ และแนะนำให้คนรู้จักได้ไปชิมอย่างมั่นใจที่สุด มั่นใจว่าอร่อย มั่นใจว่าต้องชอบ กินอย่างเดียวไม่พอ ยังซื้อกลับมากินต่อที่บ้านด้วยแน่ะ! กินที่ร้านหรือซื้อกลับบ้าน ทุกอย่าง 30 บาท โลด


          ร้านนี้ตั้งอยู่ในชุมชนอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงสายเอเชียหมายเลข 1 ก่อนถึงจังหวัดลำปาง ให้มองป้าย อ.เกาะคา ทางซ้ายมือไว้ พอเจอรูปปั้นรถม้าก็เลี้ยวซ้ายเข้ามาเลย จนเจอ 3 แยก ก็เลี้ยวซ้ายอีกที จะมองเห็นตลาดขายอาหารคล้ายๆฟู๊ดคอร์ททางซ้ายมือ แสดงว่ามาถูกแล้ว

          ตรงมาตามทางบังคับเรื่อยๆ จะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำวัง จนเจอ 3 แยกไฟแดงหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะคา (ไฟแดงดีบ้างเสียบ้าง) ให้เลี้ยวขวา ตรงมาอีกไม่ไกล ร้านจะอยู่ขวามือ เห็นป้ายอย่างในรูปชัดเจน ถนนสายนี้ถ้าขับตรงไปอีกเรื่อยๆ จะไปที่วัดพระธาตุลำปางหลวง และทะลุออกสายเอเชียหมายเลข 1 สายเดิม ที่จะไปเชียงใหม่ได้อีกด้วย


          แต่ถ้ามาจากเชียงใหม่ จะไปกรุงเทพฯ ก็มองทางเข้า อ.เกาะคา ไว้ ซึ่งจะอยู่ขวามือ ตรงข้ามกับทางเข้า อ.ห้างฉัตร เจอก็กลับรถเข้าไปได้เลย ถนนเข้า อ.เกาะคา นี้ยังเป็นทางลัดเลี่ยง 4 แยกเข้าเมืองลำปางด้วยนะครับ ถ้าจะไปกรุงเทพฯ นะ

          ขอบคุณที่อ่านครับ