วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เรื่อยๆ ชิลล์ๆ ดูวิวโขง ตอน 4 : เชียงคาน โอ้! ไม่!

           
          เช้าวันที่ 4 ของการเดินทาง เราเริ่มมื้อเช้าที่ร้าน "พรเทพ" ร้านดังจากอินเตอร์เน็ท ที่ขายอาหารเช้าทุกเชื้อชาติ มีตั้งแต่ อเมริกัน-เบรกฟาสต์ ข้าวต้มเครื่อง ต้มเลือดหมู-เครื่องใน ไข่กะทะ และเส้นเปียก (คล้ายๆแกงจืดหมูยอใส่วุ้นเส้นก็ไม่ใช่ ขนมจีนก็ไม่เชิง)


          ผมสั่งต้มเลือดหมู-ข้าวเปล่ามากิน (40 บาท) ส่วนคุณภรรยาสั่งข้าวเปียก (35 บาท) แถมหมูยอทอดอีก 1 ชิ้น (15 บาท) ปรากฏว่า เออ! รสดีแฮะ เมียพอใจกับข้าวเปียกมาก ชมไปซดไปไม่ขาดปาก เลยสั่งไข่กะทะ (25 บาท) กับขนมปังยัดไส้ (แป้งจี่) มาลองอีกคนละอัน ก็อร่อยดี สรุปว่าพอใจกับร้านนี้มาก ให้เกรด 8/10 หักคะแนนสภาพร้าน และไม่มีที่จอดรถ เสียดายที่ไม่ได้ลอง ชา-กาแฟ เพราะสั่งไปแล้วไม่ได้ของ คนจดออร์เดอร์คงจะลืม


           ร้านพรเทพ อยู่ตรงข้ามกับโรงหนังศรีเทพ โรงหนังสุดคลาสสิคบนพื้นโลก (โรงหนังสมัยนี้เค้าไม่อยู่บนพื้นโลกกันแล้ว เค้ายกกันไปอยู่บนห้าง ห่างจากพื้นโลกหลายชั้นอยู่) วันที่ผมไป โรงหนังนี้ก็ยังคงฉายตามปกติ ฉายเรื่อง 30 กำลังแจ๋ว อั้มภัชราภา นำแสดงซะด้วย ควบกับเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้ว รอบที่ฉายและราคาก็ตามภาพข้างล่างเลยนะครับ นี่ถ้าไม่รีบจะอุดหนุนสักหน่อย หนังควบเนี่ยชอบนัก
          
          ท่านใดอยากมาอุดหนุนทั้งร้านพรเทพ และโรงหนังศรีเทพ ก็ลองถามทางเอาก็แล้วกันนะครับ บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ย่านนี้เค้าดัง รู้จักกันทั้งนครพนมนั่นแหละ ข้างๆโรงหนังศรีเทพ ก็ยังเป็นโรงแรมศรีเทพ โรงแรมเก่าแก่ของเมืองนครพนมอีกด้วย


          เราโบกมือลานครพนมมาตามถนนสาย 22 ผ่านสกลนคร พรรณานิคม (พ่อบอกว่ามีร้านไก่ย่างอร่อย แต่เรายังอิ่มมาจากร้านพรเทพ) สว่างแดนดิน หลงเข้าเมืองอุดรธานีนิดหน่อย แล้วกลับทางเก่า สู่หนองบัวลำภู มีรถติดขบวนฯราว 1 ชั่วโมง ก่อนเข้าตัวเมืองเลย เช็คอินเข้าที่พัก "ม้วนมาณี"

          ใจจริงกะจะไปนอนที่เชียงคาน แต่จองที่พักล่วงหน้าครึ่งปีไม่มีที่ไหนว่างเลย งงเหมือนกันว่าที่พักในเชียงคานช่วงวันหยุดยาวมันหายากขนาดนี้เลยหรือ เลยจองที่พักในอำเภอเมืองเลยแทน ทีแรกโทรฯจองไว้กับ "เลยวิลเลจ" ปรากฏว่า 1 สัปดาห์ก่อนเดินทางโทรฯไปคอนเฟิร์ม เลยวิลเลจบอก "ไม่มีชื่อจองไว้นะคะ วันดังกล่าวมีทัวร์มาลงค่ะ" เราเลยต้องหาที่นอนอื่น พอจองที่อื่นได้ วันก่อนเดินทาง เลยวิลเลจโทรฯมาอีก "ห้องที่จองไว้ เอาอยู่ไหมคะ?" ดูมันทำ! จองที่พักมาหลายที่ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้!

          ม้วนมาณี อยู่ซอยเดียวกันกับ เลยวิลเลจ นี่ล่ะ เข้าซอยไปลึกประมาณ 1 กิโลเมตร จากถนนนกแก้ว อยู่ไม่ไกลจากวงเวียนน้ำพุ ปากซอยฝั่งตรงข้ามเป็นร้าน เจเจเนื้อย่าง จำไม่ได้ว่าค่าพักคืนละเท่าไหร่ น่าจะประมาณ 600-800 บาท ไม่มีอาหารเช้า ดูไกลๆนึกว่าห้องเช่ารายเดือน สูง 4 ชั้น ไม่มีลิฟท์ เราได้นอนชั้น 4 เลยต้องเดินกันหน่อย ที่จอดรถค่อนข้างน้อย ผมกลับมาจากเที่ยวตอน 5 ทุ่มเลยได้ไปจอดปากทางเข้า ไม่น่าเชื่อว่าที่พักในเมืองเลยจะขายดีขนาดนี้ เห็นมีวอร์กอินถามหาที่พักกันตลอด


          เราพักผ่อนกันสักครู่แล้วเดินทางต่อไปยังอำเภอเชียงคาน ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของอำเภอเมืองเลย ห่างออกไปราว 50 กิโลเมตร ตามเส้นทางสาย 201 ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น รถมุ่งหน้าสู่เชียงคานเยอะมาก เราคาดหวังความประทับใจ แต่ก็ยังหวั่นๆกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่สังหรณ์ใจว่าน่าจะเยอะ
          เชียงคานเหมือนเมืองปลายหัวลูกศร ใครๆก็พุ่งตรงไปหา เข้าออกด้วยถนนสายหลักสายเดียว ผมได้ที่จอดรถในวัดแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้ ถอยกลับรถหันหน้าออกเรียบร้อย เตรียมตัวกะจะออกง่ายๆถ้าถนนแคบ เราเดินเล่นดูเมืองไปสักพัก อากาศไม่ได้หนาวเย็นอย่างที่หวัง

          บ้านเรือนเป็นเรือนไม้เก่าๆ สูงไม่เกิน 2 ชั้น แต่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ถนนคนเดินกำลังตั้ง ขนานไปกับถนนริมแม่น้ำโขง ที่ร้านและบ้านพักทั้งหลายกำลังออกมากางโต๊ะ-เก้าอี้ บ้างก็ก่อสร้าง-ต่อเติม มีภาพขยะรกตา ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเจอดาราสาวที่เคยได้ดูแต่ในทีวีแล้วสวยเหลือเกิน แต่พอมาเจอตัวจริงแล้วไม่สวยเหมือนในทีวี


          ระหว่างที่เดิน จะได้ยินนักท่องเที่ยวเข้าถามตามที่พัก "มีห้องว่างไหม?" ตามมาด้วยคำตอบ "เต็มจ้ะ" ในร้านอาหารก็จะเห็นป้ายประเภท "ครัวปิด" ไม่ก็ "โต๊ะจอง" เต็มไปหมด ดาราสาวคนนี้แม้จะไม่สวยเหมือนในทีวี แต่งานโชว์ตัวก็ชุกจังเลย


          มาถึงตอนนี้คุณภรรยาชักหิว เนื่องจากมื้อสุดท้ายของเราก็ที่นครพนม เลยต้องหาร้านแวะสักหน่อย พนักงานของม้วนมาณีแนะนำว่า ให้ไปลองร้านเฮือนหลวงพระบาง พอไปถึงปรากฏว่าร้านมีบริษัทประกันชีวิตมาจองโต๊ะเต็มพรึ่ด เราก็วกเข้าถนนสายริมแม่น้ำ จนมาเจอร้าน "เฮือนฝ้ายคำ" ร้านสวยมี 2 ชั้น ชั้นบนเป็นระเบียงน่านั่ง (ซึ่งมุมน่านั่งทั้งหลายก็มีป้ายติดไว้ว่าถูกจองแล้วเต็มพรึ่ดเช่นกัน) ผมเลยลากโต๊ะกลมมา 1 ตัว กับเก้าอี้อีก 2 ตัว นั่งกับคุณภรรยา


          เมนูน่ากินหลายอย่าง ดูจากโต๊ะข้างๆมียำ และปลาทอดตัวเป้งๆ แต่ในเมนูไม่มีราคากำกับนะครับ ผมบอกเมียว่าให้สั่งอาหารจานเดียวกินง่ายๆ เพราะคนเต็มร้าน น่าจะรอนาน และเราอยากจะเดินหาของกินในถนนคนเดินมากกว่า สั่งเยอะเดี๋ยวจะอิ่มเสียก่อน อดกินของอร่อยของเจ้าถิ่น

          เธอสั่ง ข้าวผัดแหนม ข้าวกะเพราไก่ (ไม่มีไข่ดาวนะ เดี๋ยวจะหาว่าสั่งสิ้นคิด) และโค้กเล็ก 2 ขวด เช็คบิลมา ข้าวจานละ 90 บาทครับ รสชาติดีนะ แต่ราคานึกสยองแทนโต๊ะข้างๆ ที่มากันร่วม 10 คน แล้วสั่งกับข้าว สั่งปลามาเต็มโต๊ะ ตอนเช็คบิลคงจะอะเมซซิ่งเชียงคานแน่ๆ คิดคะแนนให้ร้านนี้ไม่ถูกจริงๆครับ ยอมรับว่ารสดี แต่โคตรแพง! กินแล้วรู้สึกแสบ เหมือนถูกใครมาขูด


          เชียงคานวันนี้ที่ผมไปไม่ได้น่าสนใจไปกว่าปาย ถนนคนเดินไม่ได้ตื่นตาตื่นใจไปกว่าถนนคนเดินลำปาง (ไม่ขอเปรียบเทียบกับถนนคนเดินเชียงใหม่นะ) ของกินไม่ได้หลากหลายไปกว่าปากซอยบ้านคุณภรรยา

          เชียงคานไม่ได้ผิด ผมผิดเอง เชียงคานเป็นเพียงอำเภอเล็กๆที่กำลังเป็นที่กระหายของนักท่องเที่ยว เนื้อที่ก็มีแค่นี้ ที่พัก-ร้านอาหาร ที่จอดรถ แม้แต่ที่ให้ยืน ก็มีอยู่อย่างจำกัด คนแห่มากันทำไมตั้งมากมาย อยากได้ที่ห้องพักดีๆก็ไปปายสิ ที่นี่มีแต่บ้านเก่าๆที่ดัดแปลงเป็นห้องพัก อยากเดินบนถนนคนเดินตื่นตาตื่นใจก็ไปเชียงใหม่สิ ที่นี่มีแต่เสื้อยืด อยากหาของกินหลากหลายก็ไปหาตลาดโต้รุ่งแถวบ้านนู่น ที่นี่มีแต่ข้าวจี่กับกุ้งฝอยแม่น้ำโขงเสียบไม้ย่าง


          เราลาเชียงคานในเวลาอันรวดเร็วหลังจากได้เสื้อยืดมาคนละตัว (เอาสักหน่อย ไหนๆก็มาถึงแล้ว) ก่อนกลับยังได้ยินนักท่องเที่ยวกลุ่มถึงมายืนตะโกนถามคนที่เดินผ่านไปมาว่า "ใครจอดรถในวัด ทะเบียนบลาๆๆ" ประมาณว่า ใครจอดรถขวางรถตูเว้ย ชาวบ้านเค้าจะกลับแล้ว ไปย้ายรถด้วยเว้ย

          ผมยังหวั่นๆว่า รถตัวเองจะโดนจอดขวางด้วยหรือเปล่า พอเดินมาที่รถก็ใช่จริงๆ ยังอุตส่าห์มีคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่สนล่ะ ว่าคนที่เค้ามาตั้งแถวจอดรถอยู่ก่อนเค้าจะออก-จะกลับอย่างไร ก็ข้าไม่มีที่จอดนี่หว่า เอ็งอยากมาถึงก่อนทำไมล่ะ จอดขวางแม่งเลย ตูอยากเที่ยวตูไม่สน ตั้งแถวใหม่ขวางมันทั้งกลุ่มนี่ล่ะ (เฮ้อ!) โชคยังดีที่ผมกลับรถรอไว้ก่อน และรถคันที่ขวางผมเพิ่งจะออกไป เลยมีช่องให้กลับที่พักได้ในคืนนี้ เออนะ อะเมซซิ่งเชียงคาน!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น